25641017pm--ยกจิตเหนือโลก

Luangpor Paisal Visalo‘s Podcast (ธรรมะ จาก หลวงพ่อไพศาล วิสาโล) - Podcast tekijän mukaan watpasukato

17 ต.ค. 64 - ยกจิตเหนือโลก : แต่ที่จริงการอยู่บนที่สูงมันไม่ใช่เป็นแค่ชัยภูมิของร่างกายเท่านั้น แต่ยังเป็นชัยภูมิของจิตใจด้วย การที่ตัวอยู่บนที่สูง น้ำท่วมไม่ถึงฉันใด ถ้าใจอยู่บนที่สูง ความทุกข์มันก็ท่วมไม่ถึงฉันนั้น ใจอยู่บนที่สูงหมายความว่าอย่างไร มันไม่ได้หมายความถึงว่าจิตใจดีมีคุณธรรมสูงส่ง แต่มันหมายถึงการที่ใจอยู่เหนือโลก คำว่าเหนือโลก มีคำอยู่คำหนึ่งเรียกว่าโลกุตระ โลกุตระแปลว่าอยู่เหนือโลก ถ้าใจเราอยู่ในระดับโลกุตระก็เรียกว่าอยู่เหนือโลก เมื่ออยู่เหนือโลก ความทุกข์ของชาวโลกก็ท่วมไม่ถึง เหนือโลกหรือโลกุตระ ความหมายหนึ่งที่เข้าใจได้ง่ายก็คือว่า เหนือโลกธรรม โลกธรรมเราก็รู้ดีอยู่แล้วมันมีอยู่ 2 ฝ่าย คือโลกธรรมฝ่ายบวกกับโลกธรรมฝ่ายลบ และมันก็อยู่คู่กัน ได้ลาภเสื่อมลาภ ได้ยศเสื่อมยศ เจอคำสรรเสริญก็พบกับคำนินทา รวมทั้งสุขทุกข์ ใจที่อยู่เหนือโลกคือใจที่อยู่โลกธรรม ไม่ได้แปลว่าชีวิตจะไม่เจอกับการได้ลาภเสื่อมลาภ การได้ยศเสื่อมยศ หรือว่าสรรเสริญนินทา อันนี้เป็นธรรมดาของทุกคนที่ต้องเจอ แต่ว่าเมื่อเจอแล้ว จิตใจไม่ได้หวั่นไหว ได้ลาภก็ไม่ได้เพลิดเพลินจนหลงไหล เสื่อมลาภก็ไม่ได้เศร้า หรือว่าคับแค้น หรือจมอยู่ในทุกข์ อันนี้เรียกว่าจิตอยู่เหนือโลกธรรม มันก็เป็นสิ่งที่ชี้วัดถึงความเป็นโลกุตระ หรือเป็นคุณสมบัติหนึ่งของโลกุตรธรรม ภาวะที่อยู่เหนือ ที่อยู่เหนือโลกธรรมได้ ก็เพราะว่าอยู่เหนือการมีการหมด อยู่เหนือการได้การเสีย อยู่เหนือการสรรเสริญนินทา   คำว่าอยู่เหนือในที่นี้หมายความว่า จิตไม่ยึดติด จิตเป็นอิสระ ทำให้กระทบไม่ถึง และทำให้ถูกครอบงำไม่ได้ จิตไม่ยึดติด เป็นอิสระ ไม่ยึดติดอะไร เป็นอิสระจากอะไร ก็ไม่ติด เป็นอิสระจากการมี การหมด การได้ การเสีย รวมทั้งสรรเสริญนินทา ก็ยังต้องเจอสิ่งเหล่านี้อยู่ ตราบใดที่ยังอยู่ในโลกนี้ แต่ว่าใจก็จะสามารถจะอยู่เหนือสิ่งเหล่านี้ได้ในแง่ที่ว่าจิตอิสระจากมัน ความผันผวนของสิ่งเหล่านี้ ได้ลาภเสื่อมลาภ ได้ยศเสื่อมยศ มันก็ไปไม่ถึง ไม่สามารถจะครอบงำได้ ไม่ว่าบวกหรือลบ ทำไมจิตจึงเป็นอิสระ ก็เพราะว่าไม่ยึดติดในสิ่งเหล่านี้ เมื่อไม่ยึดติดในสิ่งเหล่านี้ ความผันผวนปรวนแปรที่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถจะส่งผลกระทบต่อจิตใจได้   และเมื่ออิสระจากสิ่งเหล่านี้ มันก็ไม่สามารถที่จะมามีอำนาจครอบงำจิตใจได้ มีก็ไม่เหลิง หมดก็ไม่ทุกข์ หรือว่าคร่ำครวญ คับแค้น อันนี้เพราะอะไร ทำไมจิตจึงไม่ยึดติด เป็นอิสระจากมันได้ ก็เพราะเห็นว่า มีกลับหมด ได้กับเสีย สรรเสริญนินทา เป็นแค่สิ่งสมมุติ และอีกประการหนึ่งก็เพราะรู้ว่า มันไม่เที่ยง คำว่ามีกับหมด มันก็ชี้อยู่แล้วว่ามีไม่นานก็หมด ได้ไม่ช้าก็เร็วก็เสีย สรรเสริญก็เหมือนกันมันก็มาคู่กับนินทา ถ้าไปยึดมันก็ทุกข์ รู้เช่นนี้ก็ไม่ไปยึดติดมั่นถือมั่นในสิ่งนั้น เพราะเห็นว่ามันไม่เที่ยง การที่เห็นว่ามันเป็นสิ่งสมมุติ และเห็นว่ามันไม่เที่ยง มันก็เป็นเรื่องของปัญญา เมื่อรู้เช่นนี้ มีปัญญาเห็นเช่นนี้ จิตมันก็วาง ไม่คิดจะเข้าไปยึด เมื่อไม่ยึดไม่ติด จิตก็เป็นอิสระ เมื่อจิตเป็นอิสระ มันจะเป็นไปอย่างไรก็ไม่สามารถจะมากระทบถึงใจได้   เหมือนกับน้ำท่วม มันก็ไม่สามารถที่จะท่วมมาถึงหลังเขาได้ เพราะมันอยู่บนที่สูง จิตที่อยู่สูง ความทุกข์เพราะหมดเพราะเสีย มันก็ไม่สามารถจะมากระทบถึงได้ รวมทั้งคำติฉินนินทาว่าร้าย ที่จริงมันก็ไม่ใช่เฉพาะอยู่เหนือมีเหนือหมด อยู่เหนือได้เหนือเสีย อยู่เหนือสรรเสริญเหนือนินทา มันยังรวมถึงการอยู่เหนือดีเหนือชั่ว อยู่เหนือสิ่งที่เรียกว่าสุภาพหยาบคายก็ได้ ดีชั่วก็เป็นเรื่องของสมมุติ และมันก็ไม่เที่ยง ที่สำคัญพอไปยึดเข้า ดีแค่ไหนก็กลายเป็นโทษอย่างเช่น ความดี ถ้าไปยึดเมื่อไร มันก็เกิดโทษทันที เช่น เกิดความติดดี หรือเปิดช่องให้ตัวกิเลส เช่น ตัวกูของกู เข้ามาครอบงำ ดีก็เลยสามารถที่จะก่อทุกข์ก่อโทษขึ้นมาได้ และส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของสมมุติ เป็นเรื่องของนิยาม เป็นเรื่องของการบัญญัติของผู้คนในแต่ละที่ ในแต่ละเวลาด้วย ส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้น