25670117pm--รักษาใจให้เป็นอิสระจากความคิด
Luangpor Paisal Visalo‘s Podcast (ธรรมะ จาก หลวงพ่อไพศาล วิสาโล) - Podcast tekijän mukaan watpasukato
Kategoriat:
17 ม.ค. 67 - รักษาใจให้เป็นอิสระจากความคิด : ถ้าเรามีสติ เรามีความรู้สึกตัว เราก็จะรู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น ยามที่คำพูดหรือการกระทำของเขามากระทบหูหรือกระทบตาของเรา อารมณ์เกิดขึ้น อันนี้ห้ามไม่ได้สำหรับตัวปุถุชนเมื่อมีการกระทบกับรูปหรือเสียง แต่ว่าอารมณ์นั้นก็ทำอะไรใจไม่ได้ ใจของเราก็ยังสงบได้ แม้จะอยู่ในห้องที่เสียงดังอึกทึก แม้ว่าคนรอบข้างจะทำตัวไม่น่ารัก ใจก็ไม่มีความหงุดหงิด ไม่มีความโมโห ฉะนั้นมันทำให้เราเป็นอิสระจากสิ่งแวดล้อม จากคนรอบข้าง จากสิ่งรอบตัวได้ ไม่ได้แปลว่าจะสงบได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในห้องที่ไม่มีเสียงดัง เพราะถ้ามีเสียงเมื่อไหร่ก็จะกระตุ้นให้เกิดความคิด เกิดอารมณ์ขึ้นมา ไม่ว่าความคิดหรืออารมณ์จะเกิดขึ้น แต่ก็ทำอะไรใจไม่ได้ เพราะว่าเรารู้ทัน เรารู้ทันทีที่มันเกิดขึ้นในใจ และถ้าเราสามารถจะรักษาใจให้เป็นอิสระจากความคิด ต่อไปเราก็จะเป็นอิสระจากสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่มากระทบจากภายนอก ก็ไม่ทำให้ใจเราหงุดหงิด มันจะมาล่อหลอกให้เราเกิดความโลภ เกิดความโกรธ หรือยั่วยุให้เราเกิดความโกรธ ก็ทำไม่สำเร็จ อันนี้เป็นเพราะการฝึกใจให้มีสติที่รวดเร็ว มีความรู้สึกตัวอย่างต่อเนื่อง และสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือความสงบ สงบในใจแม้รอบตัวจะว้าวุ่นก็ตาม พูดอย่างนี้หลายคนก็อาจจะไม่ค่อยเข้าใจถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้าไม่ได้ลองทำดู ก็จะรู้แต่เพียงว่าไม่มีความคิดเกิดขึ้น แล้วใจก็จะสงบ แต่ไม่ได้รู้ว่าแม้ความคิดเกิดขึ้นแล้วใจสงบก็ยังได้ ถ้ารู้ทันหรือรู้ว่ามีความคิดนั้นอยู่ นี่คือสิ่งที่คนที่ไม่ปฏิบัติหรือคนที่ไม่ได้ศึกษาจิตใจของตัวเองจะไม่เห็น เพราะฉะนั้นก็เอาแต่คิดหาทางควบคุมความคิดให้มันหยุดคิด หรือไปบังคับจิตให้เพ่งอยู่กับสิ่งอื่น มันจะได้ไม่คิด เพ่งลมหายใจ เพ่งมือเพ่งเท้า มันมีวิธีที่ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ ความสงบที่เกิดขึ้นในใจมันสามารถจะเกิดขึ้นได้โดยที่ไม่ต้องบังคับจิต ไม่ต้องควบคุมความคิด เพียงแต่รู้ทันมัน แล้วต่อไปเราก็จะได้เห็นว่าความคิดของเรา มันมีอุบายต่างๆมากมายที่สามารถจะล่อให้เราหลง จะหลอกให้เราเชื่อ แล้วก็ทำให้เราเป็นทุกข์ หรือบางทีก็เสียผู้เสียคนไปเลย แต่ถ้าเรารู้ทันหรือว่ารู้ทัน มันก็ทำอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าเรารู้ทางรู้ทันบ่อยๆ ความคิดที่เกิดขึ้นก็จะค่อยๆ เชื่อง แล้วก็ค่อยๆ มีลวดลายหรือมีอุบายน้อยลง หรือตกเป็นเครื่องมือของกิเลส ไม่ว่าจะเป็นโลภะ โทสะ ความอิจฉา ความเกลียดชังน้อยลง กิเลสมันจะมาอาศัยความคิด มาหลอกล่อเราให้ทำตามมัน สนองปรนเปรอมัน หรืออยู่ในอำนาจของมัน ก็ทำไม่ได้ เพราะว่าความคิดมันไม่ได้เป็นนายเราอีกต่อไปแล้ว แต่ว่าเราเป็นนายความคิดมากกว่า ซึ่งอันนี้จะทำให้เราสามารถใช้ความคิดให้เกิดประโยชน์ได้ ไม่ใช่ว่าไม่มีความคิดเลย มีได้ แต่รู้ทัน แล้วใช้มันให้เป็นประโยชน์